เพราะตัวตนและความสัมพันธ์ของผู้คนนั้นไร้กฎเกณฑ์
ชวนอ่านหนังสือแด่เดือนแห่งความภาคภูมิใจกับสามเล่มที่ฉายภาพความหลากหลายและความงดงามของการเป็นตัวเอง โอบรับตัวตนและความสัมพันธ์ที่หัวใจต้องการ ผ่านเหล่าตัวละครในเรื่องที่อาจเปราะบาง สับสน หลงทาง ไม่มั่นใจ และอิสระกัน
“ผมเรียนรู้ในวันนั้นว่าสีเป็นอันตรายขนาดไหน ว่าเด็กผู้ชายอาจถูกกระชากออกมาจากเฉดสีนั้น และถูกทำให้ต้องสำเหนียกถึงความผิดบาปของตนได้”
ในจดหมายที่กลั่นออกมาอย่างซื่อตรงของ ‘เจ้าหมาน้อย‘ ลูกชายวัยยี่สิบกว่า ผู้เป็นคนเดียวในครอบครัวที่สื่อสารภาษาอังกฤษได้ นอกจากจะเปิดเปลือยครอบครัว บาดแผลของแม่และยาย การร่อนเร่มาใช้ชีวิตและต่อสู้กับความเป็นคนชายขอบในอเมริกาแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่เจ้าหมาน้อยอยากเอ่ยปากบอกให้แม่รับรู้คือ ความสัมพันธ์และตัวตนทางเพศของเขา แม้แทบไม่มีโอกาสที่จดหมายฉบับนี้จะไปถึงแม่ก็ตาม
เขาค่อยๆ เปลือยถึงความทรงจำของตัวเอง ตั้งแต่จุดแรกๆ ที่อาจทำให้เขาเริ่มมีความรู้สึกต่อเพศเดียวกัน ย้อนไปสมัยเขาหกขวบที่ต้องใช้ชีวิตอย่างเปล่าเปลี่ยวในโรงเรียนโดยที่ตนก็ไม่ได้รู้ภาษาอังกฤษ แต่เพราะน้ำใจเล็กๆ จากหนุ่มน้อยผู้มีฐานะที่มอบเบเกิลให้ก็ทำให้ซาบซึ้ง จนอยากตอบแทนเขาด้วยการตามติดเด็กชายเป็นดังเงาไปทุกที่
“เลิกตามกูสักที ไอ้ตัวปะหลาด!” วันนั้นเองเขาก็เข้าใจว่าเงานั้นถูกตัดออกไปแล้ว
หรือครั้งนั้นล่ะ ครั้งที่แม่เลือกซื้อจักรยานสีชมพูให้เขาเพราะมันถูกที่สุดในร้าน ทว่ามันกลับโดนกลุ่มเด็กชายตัวใหญ่ใช้กุญแจขูดจนสีลอก จนเขาอยากร้องไห้แต่ไม่รู้จะร้องเป็นภาษาอังกฤษยังไง แม่รู้หรือเปล่าว่าเขาก็เคยใส่กระโปรงแต่เด็กๆ และออกไปเต้นรำในชุดกระโปรงด้วย
ไหนจะเรื่องที่เขาอยากบอกแม่ที่สุดอย่างความสัมพันธ์กับหลานชายของเจ้าของไร่ที่เขาไปทำงานด้วย หนุ่มที่ทำให้เขาได้รู้สึกตัวตนจริงๆ ของตัวเองอีกครั้ง
เปิดอ่านเรื่องราวความเจ็บปวด ความผิดหวัง ความฝัน และเศษเสี้ยวความทรงจำที่เคยแตกเป็นเสี่ยงเพิ่มเติมได้ใน ‘ON EARTH WE’RE BRIEFLY GORGEOUS เราต่างงดงามแล้วจางหาย’ ของ ‘โอเชียน วอง’ นักเขียนและกวีชาวเวียดนามที่เติบโตในอเมริกา นวนิยายที่บอกเล่าการมีชีวิตอยู่ การเอาตัวรอดและเชยชมมันด้วยความจริงใจ
“เหมือนว่าที่สุดแล้ว ดิฉันก็พบที่ทางของตัวเองสักที”
นวนิยายเรื่องนี้ดำเนินเรื่องราวผ่านตัวละคร ‘ข้าพเจ้า’ บุคคลต่างเมืองผู้กริ่งเกรงท้องทะเล ที่เพิ่งสูญเสียคุณย่า ญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ ทำให้ต้องเดินทางไปจัดการทรัพย์สินต่างๆ ของย่าที่บ้านริมทะเล จนกระทั่งข้าพเจ้าได้พบกับสมุดบันทึกของย่า ซึ่งเขียนถึงหญิงปริศนา หน้าตาสะสวย พิการและเพี้ยนนามว่า ‘คุณเคนต์’
การอ่านบันทึกนำพาข้าพเจ้าให้เริ่มออกตามหา ไปเดินริมผา เดินเตร่ริมทะเล จนได้พบกับคุณเคนต์ ผู้ซึ่งพยายามออกเรือไปยังประภาคารล่องหนและสนทนาถึงเหล่าเงือก ทว่าความอิสระ แปลก และเพี้ยนของคุณเคนต์กลับทำให้ข้าพเจ้าได้ค้นพบอิสระ ได้ลองทำเรื่องที่ไม่กล้าหรือเคยกลัว ได้ค้นหาตัวตนของตัวเองที่ไม่เคยยอมรับหรือมั่นใจ ได้สัมผัสความรักและความสัมพันธ์ที่จะติดตรึงความทรงจำ
‘คุณเคนต์และข้าพเจ้า MS.KENT & ME’ โดย ‘LADYS’ ถ่ายทอดความลื่นไหล ความหลากหลาย และความงดงามผ่านทั้งตัวละครและสำนวนภาษา พาให้คนอ่านสัมผัสบรรยากาศริมท้องทะเล ได้ยินเสียงคลื่นซัด รู้สึกถึงความโดดเดี่ยวอ้างว้าง อบอุ่น เติบโต และพบที่ทางของตนไปพร้อมกัน
“เราตกหลุมรักกัน นั่นยังเป็นเรื่องจริงอยู่ … คนเราตกหลุมรักกับใครหรืออะไรใดๆ ก็ได้ทั้งนั้น”
ช่องว่างของอายุ นิสัยต่างสุดขั้ว ความคิดต่างกันสุดขีด เป็นไปได้ไหมที่ทั้งสองจะรักกัน?!
‘เชอริล’ หญิงวัยสี่สิบทำงานในองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร เธอโสด อยู่คนเดียว เชื่อว่าตัวเองมีคู่แท้มาหลายพบชาติและมีลูกที่สื่อสารผ่านจิตวิญญาณอยู่ทุกแห่งหน ชีวิตเธอราบเรียบและเป็นคนมีกฎเกณฑ์ของตัวเอง แต่แล้วทุกอย่างก็พลิกผัน เมื่อ ‘คลี’ ลูกสาววัยยี่สิบเอ็ดของเจ้านายมาขออยู่ด้วย
ความเป็นส่วนตัว ชีวิตที่ราบเรียบพังลง คลีรักอิสระ เอาแต่ใจ มักกลั่นแกล้ง และท้าทายเชอริลอยู่บ่อยครั้ง ทว่าการเข้ามาของคลีก็ไม่ได้แย่หรือทำร้ายจิตใจเชอริลเพียงอย่างเดียว แต่กลับกระตุกต่อมศีลธรรม สร้างเกราะป้องกันให้เชอริลในบางครั้ง ก่อความรักที่เธอเองก็ไม่คาดคิด และเขย่าให้เธอเข้าใจชีวิตแท้จริงมากขึ้น
‘THE FIRST BAD MAN เธอที่ร้าย’ ผลงานของ ‘มิแรนดา จูลาย’ เป็นศิลปิน ผู้กำกับ และนักเขียนสุดจะอินดี้ เธอมักเสกตัวละครและเรื่องราวคาดเดาไม่ได้ไว้ในผลงานเสมอ และนวนิยายเล่มนี้ก็เช่นกัน เรื่องที่นักอ่านจะได้เห็นความหลากหลายของการเป็นมนุษย์มากขึ้น แม้จะจับทางยากเหมือนนั่งรถไฟเหาะไปสักนิดก็ตาม
fiction salmonbooks