THE 10 BEST MOVIES OF THE 21st CENTURY: THANKWIAN’S BALLOT

8 กรกฎาคม 2025 | by salmonbooks

หลังจาก ‘The New York Times’ เปิดให้ทุกคนร่วมโหวต ‘100 ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประจำศตวรรษที่ 21’ โดยให้เลือก 10 ภาพยนตร์ที่เข้าฉายตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา เราเองก็ไม่พลาดที่จะชวนคอหนังอย่าง ‘เก้–ทานเกวียน ชูสง่า’ ผู้เขียน ‘SCRIPT INTRO หนังสือเล่มนี้เปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของบทภาพยนตร์’ มาแชร์ 10 รายชื่อภาพยนตร์ในดวงใจแห่งศตวรรษที่ 21 พร้อมเล่าถึงเรื่องย่อและสาเหตุที่ชอบ ซึ่งแอบกระซิบเลยว่า 2 ใน 10 ภาพยนตร์ที่เก้เลือกก็ติดท็อป 100 ภาพยนตร์ของ ‘The New York Times’ ด้วยนะ อยากรู้ว่ามีเรื่องอะไรบ้าง ไปดูกันเลยยยย 🎬🤓

ส่วนใครอยากหาอ่านลิสต์ 100 เรื่องแบบเต็มๆ สามารถดูที่นี่ได้ http://nytimes.com/…/best-movies-21st-century.html…

นอกจากนี้ ภาพยนตร์หลายเรื่องที่ติดโผ ไม่ว่าจะเป็น ‘Memento’ (2000), ‘Lost in Translation’ (2003), ‘Whiplash’ (2014) ฯลฯ ก็ถูกพูดถึงใน ‘SCRIPT INTRO หนังสือเล่มนี้เปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของบทภาพยนตร์’ ด้วย หากใครอยากอ่านเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับมือเขียนบทภาพยนตร์เหล่านี้ก็ตามอ่านกันต่อได้ในหนังสือนะะะะ

1. SECRET SUNSHINE (2007)

กำกับโดย อี ชางดง (Lee Chang-dong)

“เรื่องราวเกี่ยวกับแม่ที่สูญเสียลูกชายวัยประถมจากเหตุการณ์ลักพาตัว จมอยู่กับความโศกเศร้าจนตัดสินใจหันหน้าไปพึ่งพิงพระเจ้า เธอเริ่มเรียนรู้การปล่อยวางและให้อภัย พร้อมเผชิญหน้ากับฆาตกรในห้องขังเพื่อบอกเขาว่าเธอให้อภัยเขาแล้ว แต่ฆาตกรกลับบอกเธอว่าพระเจ้าเองก็ให้อภัยเขาแล้วเช่นเดียวกัน ถ้อยคำของเขาแปรเปลี่ยนความศรัทธาของเธอให้กลายเป็นความเดือดดาลโกรธแค้น พระเจ้ามีสิทธิ์อะไรถึงจะมาให้อภัยฆาตกรที่พรากลูกเธอไป ในเมื่อเธอยังไม่ทันจะเอ่ยคำนั้นด้วยซ้ำ

ผมรักหนังของอี ชางดง เสมอมา แต่ยกให้เรื่องนี้เป็นผลงานที่ดีที่สุดของเขา ไม่เพียงแต่จะทำให้เรารู้สึกรู้สากับความสูญเสียบอบช้ำอย่างย่อยยับสาหัสเท่านั้น แต่หนังยังท้าทายคนดูด้วยคำถามมากมายที่ชวนให้เราครุ่นคิดต่อไปอีกนานหลังจากที่หนังจบลง พระเจ้ามีอยู่จริงไหม และพระองค์ไปอยู่ที่ไหนในระหว่างที่เราทุกข์ทรมาน”

ตามอ่านแนวคิด เบื้องหลังการทำงาน รวมถึงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในการเขียนบทเรื่อง ‘Burning’ ของอี ชางดง เพิ่มเติมได้ใน ‘SCRIPT INTRO หนังสือเล่มนี้เปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของบทภาพยนตร์’ 

2. STILL WALKING (2008)

กำกับโดย ฮิโรคาสุ โคเรเอดะ (Hirokazu Koreeda)

“ครอบครัวกลับมารวมตัวพร้อมหน้ากันอีกครั้งในบ่ายฤดูร้อนวันหนึ่ง เพื่อร่วมรำลึกถึงลูกชายคนโตที่เสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน ทุกคนคล้ายว่าจะก้าวข้ามผ่านพ้นความสูญเสีย แต่แท้จริงเหตุการณ์นั้นกลับเป็นเสมือนรอยแตกร้าวที่ไม่มีวันประสานให้กลับคืนมาได้เหมือนเดิม

ฮิโรคาสุ โคเรเอดะ เป็นผู้กำกับที่มักหยิบยกประเด็นเกี่ยวกับครอบครัวมาบอกเล่าบ่อยครั้ง แต่เรื่องนี้เขาทำได้ลงตัว คมคาย มันเป็นหนังที่บรรยากาศคล้ายจะอบอุ่นชุบชูหัวใจ แต่กลับแฝงเร้นไว้ด้วยความเจ็บปวดชวนใจสลาย โคเรเอดะเคยเปรียบหนังเรื่องนี้ไว้ว่าเป็นเหมือนมหาสมุทรเรียบนิ่งไร้คลื่น แต่คุณต้องเข้าไปพิจารณาดูใกล้ๆ ถึงจะเห็นแรงพระเพื่อมของมัน”

ตามอ่านแนวคิด เบื้องหลังการทำงาน รวมถึงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในการเขียนบทเรื่อง ‘Still Walking’ ของโคเรเอดะ เพิ่มเติมได้ใน ‘SCRIPT INTRO’ อีกเช่นกัน

3. INGLOURIOUS BASTERDS (2009)

กำกับโดย เควนติน ทารันติโน (Quentin Tarantino)

“ลำพังแค่ไดอะล็อกยาวเหยียดความยาวหลายหน้ากระดาษ กับสไตล์การเล่าเรื่องสุดจัดจ้านของเควนติน ทารันติโน ก็ชวนให้เราเพลิดเพลินไปกับเรื่องนี้ได้แล้ว หนังเล่าถึงกลุ่มทหารอเมริกันเชื้อสายยิวที่ได้รับมอบหมายภารกิจข่มขวัญพวกนาซีด้วยการถลกหนังศีรษะ กับหญิงสาวผู้รอดชีวิตจากการฆ่าล้างบางทั้งตระกูลอย่างโหดเหี้ยม ทั้งสองมีเป้าหมายเดียวกันคือการลอบสังหารผู้นำกองทัพนาซีอย่างอดอล์ฟ ฮิตเลอร์

แต่สิ่งที่ทำให้หนังกลายเป็นที่จดจำจนกลายเป็นอีกหนึ่งผลงานคลาสสิกก็คือการที่ทารันติโนตัดสินใจ ‘เปลี่ยนประวัติศาสตร์’ เมื่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหนังกลับผิดเพี้ยนแตกต่างไปจากเหตุการณ์จริง ทารันติโนทำให้เราเห็นความเป็นไปได้ใหม่ๆ ของงานศิลปะ เห็นการทลายกรอบกำแพง และทำให้เห็นว่าแท้จริงภาพยนตร์จะเป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้นตามที่เราอยากให้มันเป็น”

ภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ในอันดับ 14 ของ 1 ใน 100 ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประจำศตวรรษที่ 21

4. INCENDIES (2010)

กำกับโดย เดอนี วีลเนิฟว์ (Denis Villeneuve)

“หลังจากแม่เสียชีวิตลง พี่น้องฝาแฝดชายหญิงได้รับพินัยกรรมมอบหมายให้เดินทางไปตะวันออกกลางเพื่อตามหาพ่อที่ไม่เคยพบหน้าและพี่ชายที่ไม่เคยรับรู้ว่ามีตัวตน จนเกิดเป็นการเดินทางที่นำพาไปพบกับเรื่องราวประวัติศาสตร์บาดแผลของสงครามอันน่าสะพรึง และบทสรุปสุดช็อกที่ทำให้ขนหัวลุกได้ยิ่งกว่าหนังสยองขวัญเรื่องไหนๆ

ปัจจุบัน เดอนี วิลล์เนิฟ อาจเป็นที่รู้จักจาก ‘Sicario’ ‘Arrival’ หรือ ‘Dune’ แต่เรายกให้ ‘Incendies’ เป็นงานที่เข้มข้นหนักแน่นที่สุดของเขา”

5. A SEPARATION (2011)

กำกับโดย อัสการ์ ฟาร์ฮาดี (Asghar Farhadi)

“คู่สามี-ภรรยาชาวอิหร่านมาถึงจุดที่ใกล้จะหย่าร้าง ภรรยาตัดสินใจขนของย้ายออกไปเริ่มชีวิตใหม่ และหาแม่บ้านเข้ามาดูแลพ่อสามีแทน แต่กลายเป็นว่าปัญหากลับเลวร้ายลงกว่าเดิมเมื่อความเข้าใจผิดทำให้สามีโกรธเคืองแม่บ้าน แล้วเผลอผลักเธอตกบันไดจนแท้งลูก เรื่องราวบานปลายใหญ่โตจนเป็นเหตุให้ต้องฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาล

เป็นหนังของอัสการ์ ฟาร์ฮาดี ที่เล่าเรื่องความขัดแย้งบาดหมางภายในครอบครัวได้อย่างละเอียดลออ ฉายให้เห็นทั้งความเหลื่อมล้ำทางชนชั้น ไปจนถึงวิพากษ์สภาพสังคมของอิหร่านที่ยึดโยงกับศาสนาได้อย่างเข้มข้นสาหัสสากรรจ์ ปกติเราชอบดูหนังขึ้นโรงขึ้นศาลอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้หยิบมาดูกี่ครั้งก็ยังคงทึ่งว่าทำไมถึงเล่าเรื่องได้อย่างคมคายละเมียดหมดจดได้ขนาดนี้”

6. INSIDE LLEWYN DAVIS (2013)

กำกับโดย อีธาน โคเอน (Ethan Coen) และ โจเอล โคเอน (Joel Coen)

“นักดนตรีโฟล์กตกอับผู้พยายามดิ้นรนค้นหาที่ทางของตัวเอง แต่พยายามเท่าไรก็ยังไม่ถึงฝั่งฝัน ดิ้นรนเท่าไรก็คล้ายว่าความล้มเหลวจะซุ่มซ่อนดักรออยู่ทุกหนทางที่ก้าวเดิน เขาเร่ร่อนไร้ที่พิงพักเป็นหลักแหล่ง ทั้งยังหยิ่งยโสและตัดสินใจผิดพลาดจนโอกาสหลุดลอยเป็นประจำ 

เป็นหนังที่เปิดเรื่องมาห้านาทีแรกก็ล้มลงนอนตายอย่างสงบด้วยเพลง ‘Hang Me, Oh Hang Me’ ที่ร้องโดยพระเอกของเรื่อง ผู้กำกับอย่างพี่น้องโคเอนพาเราไปสัมผัสกับความอ้างว้าง เดียวดาย และที่สำคัญคือความเหน็บหนาว นี่เป็นหนังไม่กี่เรื่องที่ทำให้เรารู้สึกเหน็บหนาวยะเยือกไม่ต่างไปจากตัวละครได้อย่างน่าอัศจรรย์ แต่ในขณะเดียวกัน พลันที่เสียงร้องของตัวละคร ลูวิน เดวิส ขับขานขึ้นมา คล้ายว่าโลกทั้งใบที่เคยมืดมนหม่นหมองพลันสว่างไสวเสียอย่างนั้น

ผ่านมาแล้วสิบสองปีนับตั้งแต่ที่หนังออกฉาย นี่ยังคงเป็นหนังในดวงใจอันดับหนึ่งของผมไม่เปลี่ยนแปลง”

ภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ในอันดับ 95 ของ 1 ใน 100 ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประจำศตวรรษที่ 21

7. TWO DAYS, ONE NIGHT (2014)

กำกับโดย ลุก ดาร์เดนน์ (Luc Dardenne) และ ฌอง-ปิแอร์ ดาร์เดนน์ (Jean-Pierre Dardenne)

“ผู้หญิงคนหนึ่งใช้เวลาช่วงสุดสัปดาห์ หรือกล่าวให้จำเพาะเจาะจงตามชื่อเรื่องคือสองวันหนึ่งคืนไปกับการตระเวนเคาะประตูบ้านเพื่อนร่วมงานแต่ละคน เพื่อโน้มน้าวและอ้อนวอนไม่ให้พวกเขาโหวตเลือกเธอออกจากงานในเช้าวันจันทร์ เพราะทุกคนจะต้องโหวตตัดสินใจว่าเลือกเลย์ออฟพนักงานหนึ่งคนออก หรือจะยอมไม่รับโบนัสเพื่อแลกกับการเก็บพนักงานหนึ่งคนไว้

หนังของพี่น้องดาร์เดนน์มักเล่าถึงวิถีชีวิตแบบคนปากกัดตีนถีบที่ต้องดิ้นรนฝ่าฟันกับอุปสรรคที่ถาโถมเสมอ ความจริงพลอตของหนังเรื่องนี้ฟังดูไม่สมเหตุสมผลแม้แต่น้อย แต่ด้วยฝีไม้ลายมือการกำกับของทั้งคู่บวกกับการแสดงของ ‘มาริญง โกติญาร์’ (Marion Cotillard) ก็ทำให้มันกลายเป็นหนังที่เข้มข้นจริงจังและทรงพลังมากเหลือเกิน”

8. THE BANSHEES OF INISHERIN (2022)

กำกับโดย มาร์ติน แมคโดนาห์ (Martin McDonagh)

“เพื่อนสองคนคบหากันมาเนิ่นนาน แต่อยู่ดีๆ วันหนึ่งเพื่อนคนหนึ่งก็ตัดสินใจบอกเพื่อนอีกคนว่าหลังจากนี้ฉันจะไม่คบหากับนายอีกแล้ว สายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกลายเป็นขาดสะบั้น มิตรภาพแปรเปลี่ยนเป็นความบาดหมาง สถานการณ์เริ่มลุกลามบานปลายหนักหนาสาหัสขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเพราะทั้งคู่อาศัยอยู่ในเกาะเล็กๆ แห่งหนึ่งและยังต้องเวียนวนมาพบหน้ากันอยู่เสมอ

ชอบที่หนังมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แทรกซ่อนอยู่ตามจุดต่างๆ เราจะมองมันเป็นหนังบอกเล่าเรื่องราวการตัดความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนก็ได้ หรือจะตีความจากฉากหลังของเรื่องที่มีสงครามกลางเมืองบนแผ่นดินใหญ่ของไอร์แลนด์ ว่าแท้จริงแล้วหนังกำลังสะท้อนให้เห็นว่าความขัดแย้งบาดหมางระหว่างพวกพ้องเดียวกันสามารถลุกลามบานปลายใหญ่โตได้มากเพียงใดก็ได้อีกเช่นเดียวกัน มาร์ติน แม็กโดนาห์ เป็นคนเขียนบทที่โคตรเก่งกาจมากๆ 

หากอยากอ่านเกี่ยวกับเบื้องลึกเบื้องหลังการเขียนบทของหนังเรื่องนี้มีให้อ่านเพิ่มเติมในหนังสือ ‘SCRIPT INTRO’ ด้วยแหละ (พื้นที่โฆษณา 555)”

9. PERFECT DAYS (2023)

กำกับโดย วิม เวนเดอร์ส (Wim Wenders)

“หนังพาเราไปสัมผัสชีวิตอันเรียบง่ายของคุณลุงพนักงานทำความสะอาดห้องน้ำสาธารณะในโตเกียว ผู้มีกิจวัตรประจำวันวนซ้ำราวกับวนลูป หรืออาจกล่าวได้ว่าวนเวียนซ้ำซาก กดกาแฟกระป๋องจากตู้กดน้ำ ฟังเพลงจากเทปคาสเซตต์ขณะขับรถ นั่งกินมื้อเที่ยงในสวน ฯลฯ หนังเล่าด้วยจังหวะเอื่อยเฉื่อยไม่เร่งร้อน แต่กลับดึงดูดชักจูงให้เราติดตามวิถีชีวิตของคุณลุงไปได้เรื่อยๆ อย่างน่าประหลาด

ดูจบแล้วอยากกราบวิม เวนเดอร์ส และขอบคุณที่ทำหนังเรื่องนี้ออกมา เราไม่ใช่คนที่ชอบดูหนังซ้ำ เพราะชีวิตมันสั้น เราอยากเอาเวลาไปสำรวจค้นหาสัมผัสหนังเรื่องอื่นที่ยังไม่เคยดูมากกว่า แต่ ‘Perfect Days’ เป็นหนังที่ทำให้เราหวนกลับมาดูซ้ำได้อีกเรื่อยๆ”

10. NO OTHER LAND (2024)

กำกับโดย บาเซล อัดรา (Basel Adra), ยูวาล อับราฮัม (Yuval Abraham), ราเชล ซอร์ (Rachel Szor) และ ฮัมดาน บัลลาล (Hamdan Ballal)

“ความขัดแย้งระหว่างชายแดนเป็นประเด็นร้อนที่ยังคงคุกรุ่นอยู่เสมอในหลายพื้นที่ทั่วโลก การดูหนังสารคดีที่พาไปเห็นภาพเหตุการณ์จริงที่กองทัพอิสราเอลไล่ทุบทำลายบ้านของชาวปาเลสไตน์นับพันคน โดยอ้างเหตุผลว่าเป็นพื้นที่ของกองทัพ (ทั้งที่หลายครอบครัวในพื้นที่นั้นอยู่อาศัยกันมานับร้อยปี) จึงเป็นเสมือนโอกาสในการทำความเข้าใจประเด็นอันอ่อนไหว

ภาพของรถขุดที่ไล่ทุบทำลายบ้าน โรงเรียน สนามเด็กเล่น และแววตาอันว่างเปล่าของผู้คนที่จ้องมองที่อยู่อาศัยของตัวเองย่อยยับลงโดยไม่อาจขัดขืน หรือภาพของชายคนหนึ่งที่พยายามต่อสู้ขัดขืนจนถูกยิงล้มลงและลงเอยด้วยการเป็นอัมพาต เป็นฟุตเทจที่ทำให้สะเทือนใจยิ่งกว่าหนังเรื่องไหนๆ หากให้เลือก 10 หนังที่เป็นที่สุดของศตวรรษที่ 21 สำหรับเราแล้ว ชื่อของ ‘No Other Land’ ย่อมไม่อาจหลุดโผไปได้จริงๆ”


RELATED ARTICLES

VIEW ALL