ปลายปี 2015 คือช่วงที่ Once Again Hostel โฮสเทลย่านประตูผีเริ่มเปิดให้บริการ หากนับถึงตอนนี้ก็มีอายุราวๆ สิบปีแล้ว โฮสเทลแห่งนี้เลยเต็มไปด้วยเรื่องราวสุดสนุกสุขสันต์เกิดขึ้นมากมาย ทั้งจากสตาฟฟ์โฮสเทลและนักเดินทางผู้มาเยือนหลากสัญชาติ
วันนี้เราจึงหยิบภาพผู้คน สิ่งของ และความทรงจำดีๆ จากหนังสือ ‘YOU ONLY LIVE ONCE (AGAIN) โฮสเทลไม่ใช่สถานที่ แต่คือผู้คน’ ที่ ‘ปิยฤทธิ์ ปัญจธรรมวิทย์’ ใช้ประกอบเรื่องเล่าการทำงานที่ไม่อาจคาดเดาได้ในแต่ละวัน เพื่อร่วมเฉลิมฉลองให้กับโฮสเทลย่านเมืองเก่าที่น่ารักแห่งนี้
และนี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ก็อย่างที่บอก—Once Again Hostel ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายปี เช่นเดียวกับปิยฤทธิ์ที่พบปะทั้งเรื่องราวดีและร้ายจากนักเดินทางรอบโลก ผู้มอบแรงบันดาลใจให้เขาออกเดินทางบ้าง ถ้าอยากรู้ว่าบรรยากาศตอนที่นักเดินทางมารวมตัวกันเยอะๆ เป็นอย่างไรก็ตามไปอ่านกันต่อในเล่มได้เลย

“แขกหลายคนเพิ่งเรียนจบ เลยถือโอกาสใช้ช่วง gap year มาเที่ยวเอเชียครั้งแรก บางคนเพิ่งลาออกจากงานและไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อ เราจึงอยากมอบประสบการณ์ดีๆ ให้ระหว่างที่พวกเขากำลังค้นหาอะไรบางอย่าง (ที่ก็ยังไม่รู้ว่าคืออะไร) รวมถึงคนที่เพิ่งเกษียณ มาใช้เวลาพักผ่อนและครุ่นคิดถึงชีวิตที่ผ่านมาด้วย”
“เรายึดผนังตรงข้ามบอร์ดข่าว ขึงเชือกเป็นช่องๆ ทำการ์ดกิจกรรม แล้วหนีบให้แขกดูว่าเดือนนั้นมีกิจกรรมอะไรบ้าง” “กิจกรรมที่คิดไว้มีตั้งแต่พาไปพื้นที่ชุมชนบ้านบาตรซึ่งยังทำบาตรพระด้วยมือ พาไปวัดชื่อดังและไม่ดังแต่สวย พาไปตลาดนัดทั้งบนดินและในน้ำ เดินเล่นหาของกินและช้อปปิ้ง ไปสำมะเลเทเมาที่ถนนข้าวสาร”

“อยู่โฮสเทลมาสักพัก เจอเรื่องสนุกๆ วีรกรรมจี๊ดๆ บ่อยขึ้นจนผมเริ่มคิดว่า จะทำอย่างไรให้เรื่องราวเหล่านี้ถูกบันทึกไว้เป็นความทรงจำที่จับต้องได้
“จู่ๆ ไอเดียก็พุุ่งเข้ามาในหัว ต่อไปนี้ใครทำอะไรเข้าตากรรมการ ทำคุณประโยชน์ให้โฮสเทลและชุมชนใกล้เคียง เราจะสรรเสริญชื่อเสียงเรียงนามของคนเหล่านี้ด้วยการแปะชื่อบนบอร์ด hall of fame”
“ไม่ใช่แค่ชื่อที่ได้อยู่่บนบอร์ด แต่เรายังมอบประกาศนียบัตรให้ด้วย ซึ่งพื้นหลังของประกาศนียบัตรจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละสาขา”
เราแอบกระซิบว่าแต่ละสาขารางวัลนั้นไม่มีซ้ำกับเวทีรางวัลใดๆ แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นสาขาผู้ช่วยชีวิตประตู หรือสาขารักจริง ถ้าอยากรู้ว่ารางวัลนี้มีที่มาอย่างไร ตามไปอ่านกันต่อได้ในเล่มเลยยย

“วันหนึ่งที่โฮสเทลเราจัดกิจกรรมใหม่ คือให้ทุกคนมากินมื้อเย็นร่วมกันตอนหกโมงเย็น ถ้าแขกไม่มีโปรแกรมจะไปไหน ไม่รู้ว่าจะเริ่มกินอาหารไทยยังไงก็มาลงชื่อไว้ แล้วผมจะจัดการคิดเมนูในแต่ละวันให้เอง
“พออะไรเข้าที่เข้าทาง ก็เริ่มมีคอนเซปต์ประจำวัน มีวันที่เราสั่งเฉพาะเมนู ‘เส้น’ มีวันหมูกระทะที่เราสั่งให้ร้านยกเตามาถึงที่ หรืออย่างวันหนึ่งผมก็พาทุกคนไปร้านส้มตำ”
“กิจกรรมหาข้าวเย็นให้แขกกลายเป็นความสุขหนึ่งของผม เพราะนอกจากได้เพื่อนใหม่ระหว่างกินแล้ว การได้ฟังเรื่องราวที่คาดเดาไม่ได้จากเพื่อนทั่วโลกบนโต๊ะอาหารก็กลายเป็นงานอดิเรกของผมไปโดยปริยาย”

“ผมถามคนในกลุ่มว่ารู้จักสงกรานต์ได้ยังไง ส่วนใหญ่บอกว่าได้ยินคนบอกต่อๆ กันมาว่าห้ามพลาด”
“หนึ่งในเทศกาลที่สนุกที่สุดในโลก—ใครสักคนกล่าวไว้ขนาดนั้น”
“พวกเราสนุกสุดเหวี่ยง เดินไปถึงถนนข้าวสาร เล่นเสร็จแล้วก็นั่งสามล้อต่อไปยังสยาม ก่อนเดินต่อไปถึงสีลม แล้วใครจะคิดว่าการนั่งกะป๊อกลับโฮสเทลจะเป็นช่วงเวลาที่สนุกเหลือเกิน เพราะคนขับเหมือนจงใจขับผ่านฐานทัพข้างทาง พวกเราเลยโดนสาดน้ำกันเละเทะ”
“คืนนั้นพวกเรากลับมาในสภาพที่ใครเห็นก็รู้ว่ามีความสุข”

“แขกที่เอ็นจอยหัวเราะกับบรรยากาศโฮสเทลในตอนกลางวัน แต่พอพระอาทิตย์ลาลับ มีเครื่องดื่มสักแก้วในแสงไฟสลัว พวกเขาก็พร้อมบอกเล่าเรื่องราวหนักอึ้ง”
“และตอนที่วันใหม่มาถึง ทุกคนก็กลับมายิ้มแย้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น น้ำตาเหือดแห้ง เหลือเพียงคราบน้ำตาบางๆ ในจิตใจของใครบางคนที่ร่วมโต๊ะสนทนากัน”
“เป็นอีกบรรยากาศหนึ่งในโฮสเทล อาจมองด้วยตาไม่เห็น แต่ก็ลอยคว้างอยู่ในอากาศ”
ยังมีอีกหลายบรรยากาศ อีกหลายเรื่องราวในโฮสเทลแห่งนี้ ไปอ่านกันต่อในบันทึกประสบการณ์ของพนักงานผู้คอยต้อนรับและรับฟังเรื่องเล่าจากนักเดินทางทั่วโลกได้ใน ‘YOU ONLY LIVE ONCE (AGAIN) โฮสเทลไม่ใช่สถานที่ แต่คือผู้คน’ โดย ‘ปิยฤทธิ์ ปัญจธรรมวิทย์’